ก่อนขับรถบรรทุก ต้องรู้อะไรบ้าง? รถบรรทุก เป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญในวงการขนส่งทางบก และในระบบโลจิสติกส์ เป็นการขนส่งที่ผู้ประกอบการนิยมใช้มากที่สุด เป็นวิธีที่สะดวก รวดเร็ว สามารถขนส่งได้ในปริมาณมาก และยังครอบคลุมพื้นที่ในการให้บริการ แต่ไม่ใช่ว่าใครๆ จะขับรถบรรทุกกันได้ง่ายๆ นอกจากจะต้องมีทักษะ ความสามารถในการขับขี่ การควบคุมรถแล้ว ยังมีข้อกำหนดกฎเกณฑ์ ข้อควรรู้ อีกมากมายที่ควรรู้ ซึ่งจะมีรายละเอียดมากกว่ารถยนต์ทั่วไป น้องยูคอน จึงมีเกร็ดความรู้เกี่ยวกับรถบรรทุกมาฝาก เผื่อบางคนอยากเปลี่ยนจากมอเตอร์ไซค์ รถยนต์ มาขับรถบรรทุกแทน ซึ่งในบางสายงานอาชีพ การขับรถบรรทุกนั้น สามารถสร้างรายได้ๆดีมากพอสมควรเลยนะ
ขับรถบรรทุกไม่ใช่เรื่องง่าย ก่อนขับรถบรรทุก ควรเรียนหัดขับเสียก่อน
ถึงแม้ว่าจะขับรถยนต์เป็นอยู่แล้ว ก็ใช่ว่าจะขับรถบรรทุกได้ง่ายๆ เพราะด้วยช่วงความยาว น้ำหนัก ขนาดรถที่ต่างกับรถยนต์อย่างมาก ดังนั้นแนะนำว่าควรมีการเรียน ฝึกขับรถบรรทุกเสียก่อน เพื่อเพิ่มทักษะ ความรู้ ความสามารถก่อนออกถนนจริง ซึ่งปัจจุบันมีโรงเรียนสอนขับรถบรรทุกอยู่มากมาย ให้เราได้เรียนรู้ หากเปรียบกับมอเตอร์ไซค์ให้เห็นภาพง่ายๆ ก็เหมือนเราขับมอเตอร์ไซค์แค่ 120cc อยู่ทุกวัน คิดว่าขับเป็นแล้ว เก่งแล้ว จะขยับไปขับบิ๊กไบค์ 500-600cc คงไม่ยาก ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดอย่างมาก การขับบิ๊กไบค์ก็ต้องมีการเรียนหลักสูตรเช่นกัน
ต้องมีใบขับขี่
แน่นอนว่าในการขับรถบนท้องถนน ไม่ว่ารถประเภทใด ตามกฎหมายแล้ว จะต้องมีใบอนุญาตในการขับขี่ สำหรับการขับรถบรรทุกนั้น ใบขับขี่จะถูกแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
- ใบอนุญาตขับรถทุกประเภท บ.2 คือ ใบอนุญาตขับรถประเภทส่วนบุคคล คือ การอนุญาตให้สามารถขับขี่เพื่อขนส่งส่วนบุคคลได้ เช่น รถบัส, รถบรรทุก 6-10 ล้อ (ป้ายทะเบียนพื้นสีขาว)
- ใบอนุญาตขับรถทุกประเภท ท.2 คือ ใบอนุญาตประเภทขับขี่เพื่อขนส่งได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นใช้สำหรับขนส่งเพื่อการค้า ธุรกิจส่วนตัว ใช้ขนส่งเพื่อรับจ้าง การขนส่งคน สิ่งของ หรือประกอบธุรกิจการขนส่งได้ เช่น รถบรรทุกสาธารณะ รถบัส, รถบรรทุก 6-10 ล้อ (ป้ายทะเบียนพื้นสีเหลือง)
ต้องรู้เรื่องการจำกัดเวลา และพื้นที่วิ่งของรถบรรทุก
อย่างที่เรารู้กันดีว่า สภาพการจราจรในพื้นที่กรุงเทพฯนั้น ติดขัดหลายพื้นที่ ทำให้จำเป็นต้องมีกฎหมายออกมากำหนด ห้ามรถบรรทุกวิ่งพื้นที่ชั้นใน ดังนี้
วิ่งบนทางราบ
- ห้ามรถบรรทุกก๊าซ วัตถุไวไฟ ตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไป และรถพ่วง เดินรถในเขตกรุงเทพฯ ตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น. ทุกวัน เว้นวันอาทิตย์
- รถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไป ห้ามวิ่งในเวลา 06.00 – 09.00 น. และ เวลา 16.00-20.00 น. ยกเว้นวันหยุดราชการ
- รถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป ห้ามวิ่งในเวลา 06.00 – 10.00 น. และ เวลา 15.00-21.00 น. ยกเว้นวันหยุดราชการ
- ห้ามรถบรรทุกอื่น เช่น บรรทุกซุง เสาเข็ม เดินรถ เวลา 06.00-21.00 น.
วิ่งบนทางด่วน
- รถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไป ห้ามวิ่งเวลา 06.00-09.00 น. และ 16.00-20.00 น.
- รถบรรทุก 10ล้อขึ้นไป ห้ามวิ่งเวลา 06.00-09.00 น. และ 15.00-21.00 น.
- รถบรรทุกสารเคมี ห้ามวิ่งเวลา 06.00-10.00 น. และ 15.00-22.00 น.
ต้องรู้เรื่องน้ำหนักบรรทุก หรือพิกัดน้ำหนักตามกฎหมายกำหนด
เรื่องพิกัดน้ำหนักบรรทุก เป็นสิ่งที่สำคัญที่ควรรู้อย่างมาก เพราะหากฝ่าฝืน มีน้ำหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 ปี ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากผิดกฎหมายแล้ว ยังก่อให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมา เช่น ทำให้พิ้นผิวถนนพัง ทรุดโทรม เสียหาย เป็นหลุมบ่อ
ตามประกาศกำหนดพิกัดน้ำหนักรถบรรทุก ได้กำหนดน้ำหนักของรถบรรทุกรวมน้ำหนักรถ เอาไว้ดังนี้
- รถบรรทุกขนาด 4 ล้อ ต้องบรรทุกไม่เกินกว่า 9.5 ตัน
- รถบรรทุกขนาด 6 ล้อ ต้องบรรทุกไม่เกิน 15 ตัน
- รถบรรทุกขนาด 10 ล้อ ต้องบรรทุกไม่เกิน 25 ตัน
- รถพ่วง 6 เพลา 22 ล้อ ต้องบรรทุกหนักไม่เกิน 50.5 ตัน
ต้องมีผ้าคลุมแน่นหนา และมีอุปกรณ์ล็อคเพื่อความปลอดภัย
การคลุมผ้าใบ จะต้องใช้ผ้าใบสีทึบ และยึดติดกับตัวรถให้มีความแข็งแรงพอที่ไม่ให้สิ่งของรั่วไหล ตกหล่น จนทำให้เกิดอันตรายแก่บุคคลอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นรถบรรทุก หรือรถกระบะก็ตาม หากฝ่าฝืน จะมีโทษปรับตาม พ.ร.บ.การขนส่งทางบก โดยมีโทษปรับสูงสุด 50,000 บาท และนายทะเบียนอาจพักใช้ หรือเพิกถอนใบอนุญาต ส่วนคนขับมีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท และหากเกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น ผู้ประกอบการจะต้องชดใช้ตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์อีกด้วย
ต้องติดตั้งแผ่นสะท้อนแสง
แผ่นสะท้อนแสง จะทำหน้าที่สะท้อนแสง กับไฟหน้าของรถคันอื่นๆ เพื่อช่วยในการมองเห็น ขณะขับรถบรรทุกในตอนกลางคืน เพิ่มความปลอดภัย โดยรถบรรทุกทุกคัน จะต้องติดตั้งแผ่นสะท้อนแสงให้ถูกตำแหน่ง โดยมีการประกาศนี้บังคับใช้กับรถบรรทุกที่มีจำนวนเพลา ล้อและยาง ตั้งแต่ 2 เพลา 4 ล้อ ยาง 6 เส้น ขึ้นไป (รถสิบล้อขึ้นไป) ยกเว้นรถลากจูง หากฝ่าฝืนจะผิด พรบ.ขนส่งทางบก โดยมีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 5 หมื่นบาท
รถบรรทุกต้องติดตั้ง และเปิด GPS ตลอดเวลา
เป็นการบังคับใช้จากกรมการขนส่งทางบกโดยมีการกำหนดให้ รถเมล์หรือรถทัวร์ (รถโดยสารสาธารณะ), รถลากจูง, รถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป ทุกคันจะต้องติดตั้งระบบ GPS เพื่อเชื่อมโยงข้อมูล กับศูนย์บริหารจัดการเดินรถของภาครัฐ ทำให้สามารถติดตามพฤติกรรมการขับขี่ เช่น การใช้ความเร็วในการขับขี่, เวลาในการเดินรถ รวมถึงพิกัดของตัวรถ หากไม่ติดตั้ง หรือไม่ดูแลรักษาสภาพเครื่องให้ส่งสัญญาณ GPS ได้ตามปกติ ถือว่ามีโทษ ปรับตั้งแต่ 1,000 – 5,000 บาท และจะไม่สามารถต่อทะเบียนรถคันดังกล่าวได้