โช๊คอัพรถยนต์พัง สังเกตง่ายๆ? โช๊คอัพ เป็นอุปกรณ์ส่วนสำคัญ ทำหน้าที่ช่วยรองรับแรงกระแทกของรถยนต์ ที่กำลังขับเคลื่อนในทุกสภาพผิวถนน ทำให้แรงกระแทกลดลง ผู้ขับขี่และผู้โดยสารจะไม่รู้สึกถึงแรงกระแทก แม้ขับขี่บนผิวถนนที่ขรุขระ แต่ถ้ามีการขับขี่โดยที่ไม่ระมัดระวัง ตกหลุมอยู่บ่อยครั้ง เจอลูกระนาดไม่ลดความเร็ว ไม่เบรคฉะลอรถ หรือบรรทุกของหนักๆเป็นประจำ ก็จะส่งผลให้โช๊คอัพเสียหายได้เช่นกัน โดยส่วนใหญ่จะมีน้ำรั่วซึมออกมาจากกระบอกสูบ อีกหนึ่งหน้าที่สำหรับโช๊คอัพ ก็คือ คอยหน่วงการเคลื่อนของตัวรถ ไม่ให้ขึ้นและลงเร็วเกินไป เพื่อให้หน้ายางสัมผัสกับผิวถนนอย่างสม่ำเสมอทุกล้อ ช่วยให้รถทรงตัวได้ดีในขณะเข้าโค้ง โดยมีสปริงเป็นตัวควบคุมการทำงาน
โช๊คอัพรถยนต์พังสังเกตง่ายๆ
- สังเกตขณะขับขี่
สังเกตจากการกระเทือนของรถ โดยเฉพาะช่วงจังหวะตอนขึ้นสะพานหรือขึ้นเนิน หากโช๊คอัพมีปัญหา จะรู้สึกได้ว่ารถเด้งขึ้น-ลง หลายครั้ง การกระเทือนมากกว่าปกติไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าหรือด้านหลัง หรือเกิดอาการโคลง เหวี่ยงในห้องโดยสารมากเกินไป แม้จะขับรถในความเร็วปกติ(ประมาณ 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง)
- สังเกตเมื่อใช้ความเร็วสูง
เมื่อมีการขับขี่ในความเร็วสูง รถจะมีอาการร่อน เหมือนไม่เกาะถนน ยิ่งหากเจอลมปะทะแรงๆ จะสังเกตุได้ว่าพวงมาลัยเบาลงจนผิดปกติ ต้องคอยเกรงจับพวงมาลัย
- สังเกตที่ตัวโช๊คอัพ
ลองก้มดูสังเกตที่กระบอกโช๊คอัพ ว่าโช๊คอัพมีการผิดรูปทรง หรือผิดปกติหรือไม่ โดยเฉพาะรถที่มีการบรรทุกของหนักมากๆ หรือขับตกหลุม ลงเนินแรงๆ ในบางจังหวะการขับขี่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะทำให้โช๊คอัพผิดรูปได้
- สังเกตรอยรั่วซึม
สังเกตที่กระบอกโช๊คอัพ หากมีรอยเปรอะเปื้อนของคราบน้ำมันติดอยู่ที่แกนโช๊ค แสดงว่าโช๊คอัพเกิดการรั่วซึม ภายในกระบอกโช๊คขาดน้ำมันหล่อลื่น ส่งผลให้การทำงานของโช๊คอัพผิดปกติ ทำให้ไม่มีแรงดันรับแรงกระแทกจากพื้นถนน สาเหตุที่รั่วอาจเกิดจากยางซีลตัวกระบอกโช๊คที่เริ่มเสื่อมสภาพ หรือฉีกขาดจากการใช้งาน
- สังเกตจากความร้อนที่ตัวโช๊คอัพ
หลังจากขับขี่ เมื่อดับเครื่องยนต์เรียบร้อยแล้ว ลองเอามืออังหรือค่อยๆสัมผัสที่ตัวกระบอกโช๊คอัพ หากมีความร้อน แสดงว่าโช๊คอัพทำงานปกติ แต่ถ้าหากโช๊คอัพเสีย หรือไม่ทำงานก็จะไม่มีความร้อนออกมาที่กระบอกโช๊ค
- สังเกตจากดอกยาง
หากสังเกตพบว่าหน้ายาง สึกเรียบไม่เท่ากัน หน้ายางมีลักษณะสึกเป็นบั้งๆ นั่นก็เป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ว่าโช๊คอัพเริ่มมีปัญหาแล้ว