เข้าหน้าร้อนแล้ว ร้อนๆ แบบนี้ไม่ใช่คนอย่างเดียวที่ร้อน รถสุดที่รักของเราก็ร้อนตามไปด้วย ดังนั้นเพื่อความมั่นใจในการขับขี่ ก็ควรตรวจเช็คสภาพรถให้สมบูรณ์ ไม่อย่างงั้นรถงอแงไม่ยอมทำงานขึ้นมาจะเป็นเรื่องใหญ่ แนะนำ 5 วิธีตรวจเช็ครถหน้าร้อน ง่ายๆ ด้วยตัวเอง ไม่ว่าใครก็สามารถเช็คได้
1. วิธีตรวจเช็ครถหน้าร้อน เช็คน้ำมันเครื่อง
เบื้องต้นให้เช็คสภาพน้ำมันเครื่องก่อนเพื่อดูว่าน้ำมันเครื่องมีความผิดปกติหรือเปล่า เริ่มตั้งแต่เปิดฝากระโปรงรถแล้วสำรวจบริเวณรอบๆ ตัวเครื่อง ดูบริเวณฝาสูบ ว่ามีรอยน้ำมันเครื่องซึมออกมาหรือว่ามีคราบอะไรหรือเปล่า ถ้ามีก็ต้องให้ช่างช่วยดูแล้วล่ะ แต่ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติ มาเช็คน้ำมันเครื่องกันต่อ โดยดึงก้านน้ำมันเครื่องออกมา (จะมีห่วงจับให้ดึงออกมาเป็นก้านยาวๆ) ขั้นตอนง่ายๆ เลย ดึงก้าน > เช็ดคราบน้ำมันเดิมออก > เอาก้านจุ่มลงไปอีกครั้ง > ดึงขึ้นมาดูว่าระดับน้ำมันเครื่องอยู่ในระดับพอดีหรือเปล่า ถ้าลดลงก็ต้องเติมเข้าไปให้พอดี และตรวจดูสีน้ำมันเครื่องด้วยว่ายังใสพอที่จะมองเห็นไปถึงก้านวัดหรือไม่ หากมีความขุ่นหรือเปลี่ยนเป็นสีโอวัลตินแสดงว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องแล้ว ซึ่งควรดูตอนที่เครื่องเย็นและจอดไว้แนวระนาบปกติเพื่อให้ได้ระดับที่ถูกต้อง
2. เช็คน้ำในหม้อน้ำ
มาต่อกันที่หม้อน้ำ สิ่งสำคัญมากๆ ในช่วงหน้าร้อนแบบนี้ หากหม้อน้ำขาดน้ำ เครื่องอาจร้อนสูงกว่าปกติ และถ้าปล่อยไว้ไม่ดูและ เกิดเครื่องฮีทขึ้นมาฝาสูบพัง เครื่องพัง จะเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งการเช็คน้ำในหม้อน้ำก็ดูจาก เปิดฝาพักน้ำหม้อน้ำดูว่าน้ำอยู่ที่ระดับใด ซึ่งควรอยู่ที่กึ่งกลางระหว่างขีด Min กับ Max ซึ่งถ้าต่ำกว่าขีด Min หรือสูงเกินกว่าขีด Max ต้องมีอาการอะไรสักอย่างที่ไม่ปกติ
ต่อมาก็ดูความใสของน้ำในหม้อน้ำว่ามีความใสปกติ หรือมีคราบตะกรัน คราบสนิมหรือไม่ หากเจอคราบสนิมจางๆ อาจเป็นไปได้ว่าน้ำยาหล่อเย็นเริ่มหมดหรือเจือจาง หรือไม่เคยเติมน้ำยาหล่อเย็นเลย ซึ่งควรเปลี่ยนถ่ายน้ำในหม้อน้ำออกแล้วเติมน้ำยาหล่อเย็นเข้าไปใหม่ และถ้าเจอคราบสนิมแบบข้นๆ แสดงว่าต้องมีความผิดปกติอะไรสักอย่าง ควรรีบให้ช่างตรวจเช็ค
3. เช็ครอยรั่ว
มองหารอยรั่วบริเวณรอบๆ หม้อน้ำ ว่ามีคราบน้ำซึมออกมาหรือไม่ โดยปกติถ้าเติมน้ำยาหล่อเย็นซึ่งมีสีสะท้อนแสง หากเกิดรอยรั่วที่ไหนก็จะสังเกตเห็นได้โดยง่าย อาจ หากเป็นที่หม้อน้ำรั่วก็จะได้ซ่อมให้เป็นปกติ หรือหากเป็นที่ท่อน้ำรั่วหรือหลวมหรือท่ออาจกรอบแตกหักไปตามกาลเวลา ก็จะได้เปลี่ยนท่อใหม่ ไม่อย่างนั้น ขับไปเรื่อยๆ น้ำลดเรื่อยๆ ย่อมไม่ส่งผลดีกับรถแน่ๆ
4. เช็ควาล์วน้ำ
การเช็ควาล์วน้ำควรดับเครื่องยนต์ก่อน แล้วลองบีบท่อน้ำที่สองท่อที่อยู่ข้างๆ หม้อน้ำว่ามีความแข็งต่างกันหรือไม่ และอุณหภูมิของน้ำทั้งสองข้างร้อนเย็นเท่ากันหรือไม่ หากไม่เท่ากันข้างหนึ่งท่อยังแข็งอยู่อีกข้างท่ออ่อน หรือข้างหนึ่งเย็นข้างหนึ่งร้อน แสดงว่าวาล์วน้ำอาจทำงานผิดปกติ ทำให้น้ำไม่ไหลเวียน ท่อทั้งสองข้างจึงแตกต่างกัน วาล์วน้ำอาจตันหรือพัง ควรรีบแก้ไข
5. เช็คแอร์ พัดลม
ทีนี่มาดูเรื่องของความเย็นกันบ้าง ในส่วนที่ช่วยให้ความเย็นต่างๆ อย่างแอร์และพัดลมระบายอากาศ ง่ายๆ เลยคือติดเครื่องแล้วออกไปดูพัดลมว่ายังหมุนปกติดีหรือไม่ บางคนอาจเจอพัดลมไม่หมุน ทำให้ไม่มีลมพัดระบายความร้อนให้เครื่องยนต์ ถ้ารถวิ่งยังพอมีลมข้างนอกช่วยได้บ้าง แต่ถ้าจอดรถติดนานๆ จะไม่มีพัดลมมาช่วยเป่าระบายลม เครื่องจึงร้อนเร็ว แต่ถ้าแอร์เสีย เปิดไม่ติดก็ถึงเวลาที่ควรซ่อมแอร์ได้แล้ว ไม่อย่างงั้นคุณอาจต้องเจอกับอากาศร้อนๆ ในยามหน้าร้อนแบบนี้ ยิ่งตอนเมษาไม่ต้องพูดถึงเลยล่ะ
หน้าร้อนนี้ตรวจเช็ครถให้เรียบร้อย เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง น้ำยาหล่อเย็น ซ่อมแซมอุปกรณ์ส่วนที่ต้องเปลี่ยน แค่นี้รถก็จะอยู่กับเราได้อีกนาน และไม่ต้องหัวเสียกับการขับรถยามอากาศร้อนอีกด้วย