การเลือกรถขับเป็นสิ่งสำคัญตั้งแต่ตอนซื้อ เพราะว่าเมื่อซื้อแล้วรถก็จะอยู่กับเราไปอีกนานหลายปี การเลือกเกียร์รถยนต์ในการขับขี่ ก็มีผลต่อการขับขี่และความเหมาะสมในการใช้งานเช่นกันไม่ว่าจะเป็น เกียร์กระปุก หรือ เกียร์ออโต้ ถ้ายังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะ เลือกใช้เกียร์อะไรดี เรามาเปรียบเทียบความเหมือนความต่างเพื่อประกอบการพิจารณากันเถอะ
รถยนต์ เกียร์กระปุก (เกียร์ธรรมดา)
ข้อดี
- ในรถยี่ห้อเดียวกัน รุ่นเดียวกัน ปีเดียวกัน ออกมาซีรีย์เดียวกัน ราคาของรถเกียร์กระปุกจะถูกกว่าเกียร์ออโต้
- การเร่งเครื่องแซง สามารถบังคับเกียร์ได้ด้วยตัวเอง ว่าจะให้อยู่ที่เกียร์ไหน
- การตอบสนองต่อเกียร์รวดเร็วทันใจ ไม่ต้องรอรอบเครื่อง
- กินน้ำมันน้อยกว่า เนื่องจากไม่ต้องใช้พลังงานในระบบเกียร์ที่ซับซ้อน
- เหมาะสำหรับการขับขี่ทางไกล เช่น ทางโค้ง ทางลาดชัน ที่เป็นเส้นทางยาวๆ จะปรับเปลี่ยนเกียร์ขึ้นเขาลงเขาได้ดีกว่า
- ด้วยเกียร์ที่ไม่ซับซ้อน ทำให้ดูแลรักษาง่ายกว่า
ข้อเสีย
- ขับขี่ยาก เพราะต้องมีการเหยียบคลัตช์ และเท้าต้องสัมพันธ์กัน การเลี้ยงเบรกเลี้ยงคลัตช์ทำได้ยาก
- จอดรถลำบาก โดยเฉพาะเวลาที่ต้องอยู่บนเนินหรือสะพานนานๆ ถ้าเหยียบไม่ดีจะทำให้รถดับ
- ไม่เหมาะกับรถที่ขับอยู่ในตัวเมือง เพราะมีการจอดติดไฟแดง มีการเบรก การขยับ ตลอดเวลา ต้องเข้าเกียร์บ่อยๆ
- ขับเมื่อยกว่า เพราะผู้ขับต้องใช้มือในการเปลี่ยนเกียร์ และใช้เท้าในการสลับเหยียบคลัตช์ เหยียบคันเร่ง ไม่สามารถนั่งขับสบายๆ ได้
รถยนต์ เกียร์ออโต้ (เกียร์อัตโนมัติ)
ข้อดี
- ขับขี่สะดวกสบาย ไม่ต้องรู้เรื่องการเปลี่ยนเกียร์ 1 2 3 4 ไม่ต้องเหยียบคลัตช์ แค่เหยียบคันเร่งรถก็วิ่งได้สบายๆ
- ออกตัวเร็ว เพราะไม่ต้องรอเข้าเกียร์ จอดรถติดก็ไม่ต้องกลัวรถดับ
- เหมาะกับรถที่ขับขี่ในตัวเมือง เพราะไม่ต้องเสียเวลาเปลี่ยนเกียร์ตลอดเวลา
- ขับขี่นุ่มนวลกว่า
ข้อเสีย
- ในรถยี่ห้อเดียวกัน รุ่นเดียวกัน ปีเดียวกัน ออกมาซีรีย์เดียวกัน ราคาของรถเกียร์ออโต้จะแพงกว่าเกียร์กระปุก
- การเร่งเครื่องแซง จะไม่มั่นใจเท่าเกียร์กระปุก เพราะต้องรอรอบเครื่องให้ถึง ถึงจะแซงขาด
- กินน้ำมันมากกว่า เนื่องจากระบบเกียร์ที่มีความซับซ้อน ทำให้ใช้พลังงานสำหรับขับเคลื่อนระบบเกียร์มากขึ้น
- เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมือง หากเดินทางไกลในเส้นทางโค้ง หรือลาดชัน จะขับไม่ไหว การเปลี่ยนเกียร์ทำไม่ได้ดั่งใจ
- ระบบเกียร์ออโต้ที่มีความซับซ้อน ทำให้การดูแลรักษาและการซ่อมแซมทำได้ยากกว่า ค่าซ่อมเกียร์แพงกว่า
สรุปว่าควรเลือกรถเกียร์อะไรดี
ไม่ว่าจะเป็นเกียร์รถยนต์ประเภทไหน ก็ควรเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งานจะดีที่สุด และคนที่รู้ว่าควรเลือกเกียร์แบบไหนก็คือคุณที่ต้องตัดสินใจ อาจดูองค์ประกอบเหล่านี้มาช่วย
- ราคาที่ต่างกันของรถ เกียร์กระปุก และเกียร์ออโต้
- การขับขี่ทางไกล หรือการขับขี่ในเมือง
- การใช้งานหนัก หรือใช้งานแบบธรรมดา
- ความสามารถในการเร่งแซง
- ความสะดวกสบายในการขับขี่
- การสิ้นเปลืองน้ำมัน
- ความสามารถในการขับรถของผู้ขับ
- การดูแลรักษา และงบประมาณในการซ่อมแซม
ทั้งนี้ ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้เกียร์อะไรก็แล้วแต่ จำเป็นต้องดูแลเรื่องน้ำมันหล่อลื่น หรือน้ำมันเกียร์ด้วย ไม่ปล่อยให้น้ำมันเกียร์ขาด หรือปล่อยไว้นานจนน้ำมันเกียร์หนืด เพราะล้วนแต่ส่งผลต่อการขับขี่ทั้งนั้น และหากปล่อยไว้นานจนเกียร์พัง คุณอาจต้องเสียเงินราคาแพงกว่าราคาน้ำมันเกียร์ไม่รู้กี่เท่า