การอัดจาระบีล้อหน้า กับ แบริ่ง ต้องทำอย่างไรกันบ้าง ?
เมื่อวัตถุ 2 ชนิด มาถูกกัน ถ้าต้องการให้เกิดการลื่นไถลได้ดี เราควรจะมีน้ำมันหล่อลื่น หรือ จาระบีทาอยู่ระหว่างผิว เช่นเดียวกันกับแบริ่งซึ่งควร จะอัดจารบีให้สม่ำเสมอหน่อย ทั้งนี้ก็เพื่อให้มันหมุนได้ดีขึ้น สำหรับในรถยนต์แบริ่งสำคัญๆ มีอยู่หลายแห่งด้วยกัน เช่น ที่ล้อหน้า ล้อหลัง เพลากลาง เป็นต้น
แบริ่งล้อ ต่างๆ นั้นเมื่อใช้ไปนานๆ ควรจะได้ถอดออกมาทำความสะอาดเปลี่ยนจาระบีเสียใหม่ ตามปกติควรจะทำทุกระยะทาง 50,000 กิโลเมตร สำหรับล้อหน้าแล้วละก็วิธีการอัดจาระบี นั้นก็อยากให้ลองพลิกหนังสือคู่มือการซ่อมดู ท่านก็อาจทำโดยสะดวก แต่ในกรณีที่ท่านไม่มีหนังสือคู่มือก็อาจจะทำได้เหมือนกันโดยจัดการตามนี้
1. ก่อนอื่นให้ท่านยกรถขึ้น ถอดเอาล้อออก ถ้ารถยนต์ของท่านเป็นชนิดดิสเบรค ก็ควรจะถอดเอาชุดดิสเบรคออกเสียก่อน แต่ถ้าเป็นดรัมเบรค ท่านไม่จำเป็นต้องถอดชุดเบรคออก จากนั้นก็ทำความสะอาด น็อต แหวน โดยแช่ลงในน้ำมันก๊าดหรือเบนซินก็ได้
2. ใช้แปรงปัดเอาสิ่งสกปรกและฝุ่นบริเวณฝาครอบหัวดุมออกแล้วใช้ไขควงงัดเอาฝาครอบดุมออก ดังรูปที่ 2 จากนั้นใช้คีมดึงเอากลัดกันน็อตล็อคคลายออก คลายน็อตล็อคออกแล้วคลายน็อตปรับความแน่นออก เอาแหวนโลหะออกมาแล้วเก็บไว้ให้เรียบร้อย จากนั้นก็ดึงดุมล้อออกมานิดหน่อยแล้วผลักเข้าที่เดิม ในขณะที่ผลักเข้านี้แบริ่งตัวนอกก็จะเลื่อนออกมา ท่านสามารถถอดเอาแบริ่งตัวนอกออกมาได้ เมื่อถอดเอาแบริ่งตัวนอกออกแล้วให้ใส่น็อตหรือลิ่มปรับความแน่นกลับเข้าที่ (ถ้ารถยนต์ชนิดดรัมเบรคให้ข้ามไปลำดับที่ 7)
3. (ดูรูปที่ 3) ใช้ประแจคลายน็อตยึดก้ามปูเบรคของดิสเบรคออก แล้วใช้ลวดทำเป็นตะขอแขวนก้ามปูเบรคไว้ในการถอดก้ามปูเบรคดิสเบรคออกมา ระวังท่อน้ำมันเบรคจะแตกและต้องระวังไม่ให้จารบีเลอะแผ่นผ้าเบรคได้ ถ้าเกิดเลอะก็ให้เช็ดให้สะอาดเสีย เพราะมันจะทำให้เบรคลื่นได้
4. (ดูรูปที่ 4) เมื่อท่านถอดเอาก้ามปูเบรคออกมาแล้วให้ท่านเอาแผ่นผ้าเบรคสอดเข้าที่ แล้วใช้แผ่นสอดไว้ระหว่างแผ่นดิสเบรค อย่าให้แผ่นผ้าเบรคแต่ละด้านมาติดกัน
5. (ดูรูปที่ 5) เมื่อถอดเอาก้ามปูเบรคออกแล้ว ใช้ลวดทำเป็นตะขอแขวนไว้กับตัวรถให้ห่างจากบริเวณที่ท่านต้องทำงาน ระวังอย่าให้ท่อน้ำมันเบรคหักงอจะแตกได้
6. หลังจากนั้นก็สามารถจะถอดดุมล้อออกมา เมื่อถอดเอาแบริ่งตัวในออกมาได้ ถ้าปรากฎว่าเมื่อถอดดุมล้อออกมาแล้ว แบริ่งตัวในยังติดอยู่บนแกนเพลาล้อ ก็ให้ใช้ฆ้อนเคาะเบาๆ
7. (ดูรูปที่ 6) ถ้ารถยนต์ของท่านเป็นชนิดดรัมเบรค เมื่อถอดดุมล้อออกมา แบริ่งตัวในและซีลจะถอดออกมาได้
8. ให้คลายน็อตปรับความแน่นออก เพื่อจะถอดเอาแบริ่งตัวในและซีลออก แล้วเก็บให้เรียบร้อย เพื่อสะดวกในเวลาใส่กลับเข้าที่
9. ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำมันก๊าดทำความสะอาดแกนเพลาล้อให้เรียบร้อย
10. ทำความสะอาดดุมล้อด้านในด้วยน้ำมันก๊าดโดยใช้ผ้าสะอาดเช็ด ล้างแบริ่งทั้ง 2 ตัว จากนั้นก็ให้ตรวจดูบ่ารองแบริ่งว่าชำรุดแตกหักหรือไม่ ถ้าพบมีรอยแตกหักก็ควรจะได้เปลี่ยนใหม่
11. (ดูรูปที่ 7) ใช้ไขควงแบนป้ายจารบีอัดเข้าไปในดุมล้อให้เต็ม
12. ใช้ผ้าสะอาดเช็ดแบริ่งทั้งสองตัวให้แห้ง แล้วตรวจดูว่ามีรอยแตกหรือไม่ ถ้าปรากฎว่ามีรอยแตกเสียหายก็ควรจะเปลี่ยนใหม่เสีย จะได้ไม่ต้องมานั่งถอดทีหลังอีก
13. (ดูรูปที่ 8) จากนั้นก็เอาจารบีทาแบริ่งทั้งสองตัวให้ทั่ว แล้ววางไว้บนที่สะอาด
14. (ดูรูปที่ 9) ใช้จารบีทาบางๆ ลงบนซีลตัวใหม่แล้วค่อยๆ ใส่ซีลตัวใหม่เข้าที่แล้วใช้ไม้เคาะให้ซีลเข้าที่อยู่ในแนวเสมอกับดุมล้อ เมื่อใส่ซีลเรียบร้อย ตรวจดูอีกครั้งว่าซีลไม่เสียเมื่อเวลาที่ใส่เข้าไป แล้วจึงใส่ดุมล้อกลับเข้าที่
15. ใส่แบริ่งตัวนอก โดยด้านเล็กเข้าก่อน ใส่แหวนแล้วใส่น็อตปรับความแน่นตามเข้าไป (ถ้าเป็นรถยนต์ชนิดดรัมเบรคข้ามไปลำดับที่ 17)
16. ใช้ผ้าสะอาดเช็ดจานเบรคของดิสเบรคให้สะอาด จากนั้นก็ใส่ก้ามปูเบรคเข้าที่ใช้ประแจไขให้แน่น จากนั้นก็เอาล้อมาใส่เข้ากับดุมล้อ
17. ใช้ประแจปอนด์ ขันน็อตปรับความแน่นอัดแบริ่งเข้าไปให้แน่นตามหนังสือคู่มือการซ่อม เมื่อขันแน่นแล้วให้คลายประมาณ ½ รอบ
18. เอาน็อตล็อคใส่เข้าที่ให้แน่น
19. ใส่กลัดล็อคน็อตล็อคอย่าให้คลายออก แล้วพับให้เรียบร้อย
20. ลองหมุนล้อดูทั้ง 2 ทาง ควรจะไม่มีเสียงและหมุนได้คล่องพอควรไม่สะดุด ถ้าปรากฎว่ามีเสียงหรือสะดุดหมุนไม่คล่อง ควรจะถอดออกมาใส่ใหม่
21. ใส่ฝาครอบกันฝุ่นเข้าที่
22. เอาแม่แรงลง แล้วขันน็อตล้อให้แน่น
23. ก่อนจะทดลองเคลื่อนรถออกไป ควรเหยียบเบรคทดลองดูเบรคทำงานได้ปกติดี
หลังจากเสร็จ 23 ข้อนี้แล้วก็เป็นอันว่าเสร็จพิธีกันสำหรับล้อหน้า
ที่มา: นนทศักดิ์ ศิริโภค , auto2drive