หลายคนคงจะเคยพบกับปัญหา แอร์รถยนต์มีกลิ่นอับ โดยไม่ทราบสาเหตุ โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนที่อากาศไม่ถ่ายเทยิ่งเป็นปัญหา ซึ่งการที่เราต้องนั่งรถพร้อมกับแอร์ที่มีกลิ่นเหม็นอับ ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ ทั้งกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ และยังไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพอีกด้วย แล้วการที่แอร์รถยนต์มีกลิ่นอับแบบนี้เกิดจากสาเหตุอะไร แล้วต้องทำยังไงดี
สาเหตุของ แอร์รถยนต์มีกลิ่นอับ
- มีน้ำหรือความชื้นสะสมอยู่ในคอยล์เย็น จนเกิดเชื้อรา
- ช่องแอร์เกิดการหมักหมม
- ที่กรองแอร์มีสิ่งสกปรกเข้ามาอุดตัน
วิธีแก้ไขอาการแอร์รถยนต์มีกลิ่นอับ
1. เปิดพัดลมไล่ความชื้น
ในเมื่อกลิ่นอับมักจะเกิดจากความชื้น ดังนั้นเราจึงต้องทำการไล่ความชื้นออก โดยที่ก่อนดับเครื่องให้เปิดพัดลมให้แรงที่สุด และปิดปุ่มแอร์ (A/C) เพื่อให้เกิดลมเป่าไล่ความชื้นออกจากคอยล์เย็น ใช้เวลาเป่าลมประมาณ 5 นาที ก่ อนดับเครื่อง ก็จะช่วยลดกลิ่นอับได้ดีขึ้น
2. เปิดแอร์แต่พอดี
บางคนเปิดแอร์เย็นฉ่ำ เย็นจนหนาวเลยก็มี ซึ่งเราไม่มีความจำเป็นต้องเบิดแอร์แรงขนาดนั้น เพราะถ้าแอร์เย็นมากเกินไปจะมีความชื้นสะสมอยู่ภายในวงจรปรับอากาศได้ และไม่ควรปิดหน้ากากแอร์ เพราะจะทำให้ภายในวงจรปรับอากาศมีอุณหภูมิต่ำอยู่ตลอดเวลา จึงมีความชื้นสะสมมาก
3. แอร์รถยนต์มีกลิ่นอับ ใช้แดดไล่ความชื้น
วันไหนแดดดีๆ ฟ้าใสๆ ต้องพาไปตากแดดเพื่อลดกลิ่นอับกันบ้างล่ะ โดยการนำรถไปจอดกลางแดด เปิดประตูทุกบาน เพื่อให้แสงแดดไล่ความชื้นและกลิ่นอับออก และยังได้กลิ่นหอมแดดอีกด้วย
4. น้ำส้มสายชูช่วยลดกลิ่น
ถ้ายังรู้สึกว่ารถยังมีกลิ่นอับอยู่ ของติดครัวง่ายๆ ก็สามารถช่วยรถเราได้เช่นกัน อย่างน้ำส้มสายชู จะช่วยลดกลิ่นได้ โดยการเทน้ำส้มสายชูใส่แก้ว แล้วเอาแก้วที่ใส่น้ำส้มสายชูนั้นไปตั้งไว้ในรถประมาณ 1-2 ชั่วโมง กลิ่นของน้ำส้มสายชูจะช่วยดับกลิ่นอับในรถได้
5. ทำความสะอาดพรมรถ
หากยังมีกลิ่นอับอยู่ สงสัยว่าอาจไม่ได้มาจากแอร์เพียงอย่างเดียว พรมที่อยู่ในรถก็เป็นตัวหมักหมมอย่างดี บางทีอาจมีน้ำซึม หรือมีความสกปรกจากรองเท้าที่เราเหยียบอยู่ทุกวัน ลองเอาพรมไปล้างทำความสะอาด และตากแดดให้แห้งสนิท จะช่วยลดกลิ่นอับและความชื้นที่เกิดจากพรมไปได้มาก
6. ถอดกรองแอร์มาล้าง
บางที กรองแอร์ก็มีความสกปรกจากสิ่งอุดตันต่างๆ บางคนไม่ได้ถอดล้างมาเป็นเวลานาน ทั้งเศษสิ่งสกปรก ทั้งเชื้อโรค ก็สะสมอยู่มาก และยังเป็นสาเหตุให้แอร์ตันอีกด้วย ดังนั้นควรถอดกรองแอร์ออกมาล้างทำความสะอาดแล้วใส่กลับเข้าที่เดิม ซึ่งสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง เป็นการช่วยทำความสะอาดแอร์ไปในตัว แต่ถ้าเป็นกรองแอร์เก่าใช้มานาน ก็ควรเปลี่ยนกรองแอร์ใหม่ไปเลย
7. ล้างแอร์
ทำมาก็หลายวิธี แต่กลิ่นอับก็ยังไม่หาย คงต้องล้างแอร์แล้วล่ะ ซึ่งควรนำรถไปเข้าศูนย์เพื่อให้ช่างล้างแอร์ให้สะอาด โดยวิธีล้างมี 2 วิธี คือ ล้างแบบถอดตู้แอร์ ถอดเอาชิ้นส่วนต่างๆ ออกมาล้าง กับการล้างแบบไม่ถอดตู้แอร์โดยใช้โอโซนในการล้าง ลองเลือกวิธีที่ถูกใจกันได้
ดูแลเรื่องแอร์กันแล้ว ก็อย่าลืมดูแลรถในส่วนอื่นๆ ประกอบกันไปด้วย การเลือกใช้น้ำยาหล่อเย็นที่ดี ก็ช่วยระบายความร้อนให้กับรถได้ดีขึ้นด้วยเช่นกัน